TKS งบไตรมาส 1/67 กำไรเติบโตแกร่ง พุ่ง 21% คาดปี 67 ธุรกิจเติบโตทิศทางดี หนุนรายได้โต 14% ตามแผน

มิติหุ้น  –  นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบธุรกิจ Security Printing ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 1 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นจากการบริหารจัดการต้นทุนภายใน โดยบริษัทฯรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง 7.2  ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.9

กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่  380.5 ล้านบาท ลดลง 25.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.4 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่ลดลงมาจากยอดขายงานโครงการพิเศษในกลุ่มธุรกิจการพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง และธุรกิจการพิมพ์ดิจิทัลลดลง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 36.2 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 29.4 เป็นผลจากการบริหารต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นขยายกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต (Growth Business) ได้แก่ กลุ่มธุรกิจฉลากป้องกันการปลอมแปลง และธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง

สำหรับแผนธุรกิจของบริษัท คาดผลงานในปี 2567 จะเห็นการฟื้นตัวทั้งธุรกิจฉลากและบรรจุภัณฑ์ (Label & Packaging Solutions) ที่ยังมีโอกาสเติบโตจากการขยายตลาดไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อิเล็คทรอนิคส์ และตลาดอาเซียน รวมไปถึงการผลักดันธุรกิจฉลากป้องกันการปลอมแปลง (Security Label solution) ที่สามารถเติบโตได้ดี และเป็นโซลูชั่นที่มีโอกาสเติบโตอย่างมาก

“ปีนี้ถือว่าเป็นปีของการฟื้นตัว คาดว่าจะเห็นรายได้เติบโตขึ้น และยังมีงานที่ส่งมอบ โดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์ก็ถือว่ามีความแข็งแกร่ง ผลประกอบการสามารถเติบโตไปได้ ที่ผ่านมาบริษัทมีการกระจายความเสี่ยง (Diversify) ธุรกิจให้มีความหลากหลาย เพื่อรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงมีการพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุน M&A อย่างต่อเนื่อง” นายจุติพันธุ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทยังเดินหน้าตามกลยุทธ์ Tech Ecosystem Builder โดยมุ่งเน้นการปรับแผนธุรกิจของบริษัทฯมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการพัฒนานวัตกรรมด้านระบบสารสนเทศ และได้ปรับโครงสร้างองค์กรในกลุ่มบริษัทฯให้เกิดผลผนึกทั้งด้านการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ และด้านการลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยรวมสำหรับรักษาฐานธุรกิจเดิมควบคู่ไปกับการหาพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่